ดูดไขมัน หุ่นปังในพริบตา ปลอดภัย เห็นผลจริง จากโรงพยาบาลเลอลักษณ์

หากคุณกำลังมองหาวิธีลดสัดส่วนที่เห็นผลชัดเจน รวดเร็ว และตรงจุด การ ดูดไขมัน (Liposuction) อาจ เป็นคำตอบที่ตรงใจที่สุดในยุคที่ความมั่นใจเรื่องรูปร่างไม่ใช่แค่เรื่องส่วนตัว แต่คือพลังในการใช้ชีวิต โรงพยาบาลเลอลักษณ์เข้าใจดีว่า “ไขมันส่วนเกิน” เป็นปัญหากวนใจที่แม้จะออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารก็ยังไม่สามารถจัดการได้ทั้งหมด ดังนั้น ทางเลือกของการศัลยกรรมอย่างปลอดภัย จึงได้รับความนิยมเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง

 

บทความนี้จะพาคุณไปเจาะลึกทุกข้อมูลที่ควรรู้เกี่ยวกับการ ดูดไขมัน ตั้งแต่ขั้นตอน เทคนิคใหม่ๆ ที่ปลอดภัยและทันสมัย รีวิวจากผู้ใช้บริการจริง ไปจนถึงราคาโปรโมชั่นที่ชัดเจนจากโรงพยาบาลเลอลักษณ์ พร้อมคำตอบสำหรับคำถามยอดฮิต เช่น “ดูดไขมันเจ็บไหม” หรือ “ดูดไขมันอันตรายไหม” เพื่อให้คุณตัดสินใจได้อย่างมั่นใจที่สุดก่อนเข้ารับบริการ

 

โรงพยาบาลเลอลักษณ์ ในฐานะผู้นำด้านศัลยกรรมตกแต่งระดับประเทศ พร้อมให้คำปรึกษาโดยทีมแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง ให้บริการดูดไขมันในหลายบริเวณยอดนิยม เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา พร้อมมาตรฐานระดับโรงพยาบาล และเทคโนโลยีทันสมัยที่เน้นความปลอดภัยเป็นอันดับหนึ่ง หากคุณพร้อมจะเปลี่ยนแปลงรูปร่างอย่างมืออาชีพ บทความนี้คือคู่มือที่ครบครันที่สุดสำหรับคุณ

ดูดไขมัน คืออะไร? ทำไมถึงเป็นทางเลือกยอดนิยมของคนยุคใหม่

ดูดไขมัน (Liposuction) คือหัตถการทางการแพทย์ที่ใช้เทคนิคเฉพาะเพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินออกจากร่างกาย โดยการใช้เครื่องมือเฉพาะทางเข้าไปสลายไขมันใต้ชั้นผิวหนัง จากนั้นจะดูดไขมันออกผ่านท่อขนาดเล็ก เพื่อปรับรูปร่างให้กระชับ ได้สัดส่วนและดูสมส่วนมากยิ่งขึ้น ซึ่งต่างจากการลดน้ำหนักทั่วไปที่อาศัยการควบคุมอาหารและการออกกำลังกาย เนื่องจากสามารถจัดการกับ “ไขมันสะสมเฉพาะจุด” ที่ลดยาก เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา หรือใต้คาง ได้อย่างตรงจุดและเห็นผลเร็ว

 

 

ปัจจุบันการ ได้รับความนิยมอย่างสูง เพราะสามารถเปลี่ยนรูปร่างให้ดูดีขึ้นได้ภายในระยะเวลาไม่นาน ช่วยเสริมบุคลิกภาพและความมั่นใจอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในกลุ่มคนที่รูปร่างดีอยู่แล้วแต่มีไขมันสะสมเฉพาะส่วนที่ลดไม่ลง จึงมองหาทางเลือกเสริมที่ให้ผลลัพธ์ชัดเจน โดยไม่ต้องพักฟื้นนาน

 

 

ที่สำคัญ การดูดไขมันในโรงพยาบาลหรือคลินิกที่ได้มาตรฐาน ยังมีความปลอดภัยสูง หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางและใช้อุปกรณ์ที่ทันสมัย ทั้งนี้ ผู้สนใจควรศึกษาข้อมูลให้ครบถ้วน เช่น ราคา, ความเสี่ยง, การดูแลหลังทำ และเทคนิคต่าง ๆ ก่อนตัดสินใจ เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สวยงามอย่างปลอดภัยและยั่งยืน

ทำไมถึงเป็นทางเลือกยอดนิยมของคนยุคใหม่?

ในยุคที่รูปลักษณ์ภายนอกส่งผลต่อความมั่นใจและโอกาสทางสังคมมากขึ้นทุกวัน การ ดูดไขมัน จึงกลายเป็นหนึ่งในหัตถการศัลยกรรมความงามที่ตอบโจทย์คนรุ่นใหม่อย่างแท้จริง เพราะเป็นวิธีที่ช่วย “ปั้นหุ่น” ได้เร็ว ไม่ต้องใช้เวลานานเหมือนการลดน้ำหนักแบบดั้งเดิม ทั้งยังแก้ไขปัญหาไขมันสะสมเฉพาะจุดที่แม้จะออกกำลังกายหรือควบคุมอาหารอย่างไร ก็ยากจะสลายให้หมดไปได้อย่างตรงจุด

 

นอกจากนี้ คนยุคใหม่ยังให้ความสำคัญกับการใช้เวลาอย่างคุ้มค่า การ ดูดไขมัน ใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมงต่อบริเวณ และสามารถฟื้นตัวได้ภายในไม่กี่วัน จึงไม่กระทบกับไลฟ์สไตล์หรือการทำงานมากนัก อีกทั้งเทคโนโลในปัจจุบันยังพัฒนาไปไกล เช่น เทคนิค VASER, BodyTite, SlimLipo ซึ่งช่วยลดความเสี่ยง ลดรอยแผล และเพิ่มความกระชับของผิว ทำให้ผลลัพธ์ดูเป็นธรรมชาติและคงอยู่ได้ยาวนาน

ดูดไขมันต่างจากการลดน้ำหนักธรรมดาอย่างไร

แม้ว่าเป้าหมายของการ ดูดไขมัน และการลดน้ำหนักโดยทั่วไปจะคล้ายกัน คือ “การลดขนาดของร่างกาย” แต่ในความเป็นจริงแล้ว ทั้งสองวิธีนี้มีวัตถุประสงค์และกระบวนการที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิง ซึ่งการเข้าใจความต่างนี้ จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกวิธีที่เหมาะกับตัวเองได้ดียิ่งขึ้น การ ลดน้ำหนักแบบธรรมดา เช่น การควบคุมอาหาร การออกกำลังกาย หรือการใช้วิธีทางธรรมชาติ มุ่งเป้าไปที่ “การลดมวลรวมของร่างกาย” เช่น กล้ามเนื้อ น้ำ และไขมันร่วมกัน ซึ่งผลลัพธ์จะค่อยเป็นค่อยไป ต้องอาศัยความสม่ำเสมอ และบางครั้งร่างกายก็จะดึงมวลกล้ามเนื้อไปใช้ก่อนไขมัน ส่งผลให้หุ่นไม่กระชับเท่าที่ควร แม้น้ำหนักลดลงแล้วก็อาจยังมีไขมันสะสมเฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง สะโพก หรือต้นขา อยู่เช่นเดิม

 

ในขณะที่ การดูดไขมัน เป็นหัตถการทางการแพทย์ที่เน้นการกำจัดไขมันเฉพาะจุดออกจากร่างกายโดยตรง ซึ่งช่วยปรับรูปร่างให้ได้สัดส่วนที่ต้องการอย่างรวดเร็วและแม่นยำ โดยไม่ส่งผลต่อกล้ามเนื้อหรือระบบเผาผลาญของร่างกาย จึงเหมาะกับผู้ที่รูปร่างใกล้เคียงกับเป้าหมายแล้วแต่มี “ไขมันดื้อ” ที่กำจัดยาก เช่น บริเวณต้นแขน หน้าท้อง หรือเหนียงคอ และยังช่วยให้ผิวบริเวณนั้นดูเรียบเนียนขึ้นในทันที สำหรับผู้ที่สงสัยว่า ดูดไขมัน เจ็บไหม หรือกังวลเรื่องความปลอดภัย ปัจจุบันเทคโนโลยีการดูดไขมัน เช่น VASER หรือ BodyTite ได้พัฒนาให้การรักษาเบาบางลง แผลเล็ก ฟื้นตัวไว และมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนน้อยลง โดยเฉพาะหากทำในสถานพยาบาลที่มีมาตรฐาน เช่น โรงพยาบาลเลอลักษณ์ ที่ขึ้นชื่อในด้านศัลยกรรมตกแต่ง และมีศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทาง

 

นอกจากนี้ การ ดูดไขมัน ราคา ยังเป็นสิ่งที่หลายคนให้ความสนใจ เพราะมีแพ็กเกจให้เลือกหลากหลายตามบริเวณและเทคนิคที่ใช้ จึงสามารถวางแผนงบประมาณได้ง่ายกว่าเดิม อีกทั้งยังสามารถเปรียบเทียบรีวิวเพื่อดูว่าควร ดูดไขมันที่ไหนดี ซึ่งการเลือกสถานพยาบาลที่เชื่อถือได้ จะช่วยลดความเสี่ยงและเพิ่มความมั่นใจในผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและคุ้มค่ามากที่สุด

 

ตารางเปรียบเทียบ ดูดไขมัน VS ลดน้ำหนักแบบธรรมดา

หัวข้อดูดไขมันลดน้ำหนักแบบธรรมดา
วัตถุประสงค์หลักกำจัดไขมันเฉพาะจุด เพื่อปรับรูปร่างให้ได้สัดส่วนลดน้ำหนักโดยรวมของร่างกาย เช่น ไขมัน น้ำ และกล้ามเนื้อ
วิธีการ ใช้เทคนิคทางการแพทย์ เช่น VASER, BodyTite ดูดไขมันออกโดยตรงออกกำลังกาย ควบคุมอาหาร ใช้ชีวิตประจำวันอย่างมีวินัย
ระยะเวลาเห็นผลเห็นผลทันทีหลังทำ และชัดเจนใน 1–3 เดือนใช้เวลาหลายสัปดาห์หรือเดือน ต้องมีความต่อเนื่อง
ระดับความแม่นยำปรับแต่งรูปร่างเฉพาะจุดได้อย่างแม่นยำควบคุมเฉพาะการลดโดยรวม ไม่สามารถเลือกเฉพาะบริเวณได้
ผลต่อระบบเผาผลาญไม่ส่งผลต่อการเผาผลาญโดยตรงช่วยเพิ่มการเผาผลาญ ถ้าทำต่อเนื่อง
ความเจ็บปวด/การพักฟื้น เจ็บเล็กน้อยถึงปานกลาง ขึ้นกับเทคนิคที่ใช้ พักฟื้นประมาณ 3–7 วัน ไม่มีความเจ็บปวดหรือแผล ไม่ต้องพักฟื้น
เหมาะกับใครคนที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด แม้น้ำหนักไม่มาก เช่น หน้าท้อง ต้นขา เหนียงคนที่มีน้ำหนักเกิน หรือต้องการลดไขมันทั้งร่างกาย
ความเสี่ยงมีความเสี่ยงทางการแพทย์ เช่น บวม ช้ำ หากทำกับแพทย์ไม่มีประสบการณ์ความเสี่ยงต่ำ แต่ต้องอาศัยวินัยสูง อาจล้มเหลวหากขาดความสม่ำเสมอ
ค่าใช้จ่ายค่าใช้จ่ายสูงกว่า เช่น ดูดไขมัน ราคา เริ่มต้นหลักหมื่นถึงแสนบาทต้นทุนต่ำหรือไม่มีค่าใช้จ่ายมาก เช่น ฟิตเนส อาหารเสริม

ดูดไขมันบริเวณไหนได้บ้าง? เช็กลิสต์จุดยอดฮิตที่หลายคนเลือกปรับรูปร่าง

ดูดไขมันเป็นหัตถการทางการแพทย์เพื่อกำจัดไขมันส่วนเกินในจุดที่ลดได้ยากด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น การควบคุมอาหารหรือออกกำลังกาย โดยปัจจุบันเทคโนโลยีสามารถทำได้หลายจุดทั่วร่างกาย ทั้งจุดเล็กและจุดใหญ่ เพื่อปรับสัดส่วนให้เข้ารูปอย่างเป็นธรรมชาติ ซึ่งบริเวณยอดนิยมมีดังนี้

  1. ดูดไขมันหน้าท้อง (Upper & Lower Abdomen)
    เป็นบริเวณที่ไขมันสะสมง่ายและดื้อที่สุด โดยเฉพาะในผู้หญิงหลังคลอด หรือผู้ที่ลดน้ำหนักแล้วมีหน้าท้องหย่อนคล้อย นิยมดูดพร้อมกันทั้งด้านบนและล่าง เพื่อให้หน้าท้องแบนราบ
  2. ดูดไขมันต้นแขน
    ช่วยลดความใหญ่ของต้นแขนที่มักทำให้รู้สึกไม่มั่นใจเวลาใส่เสื้อแขนกุด ทำให้แขนเรียวเล็ก กระชับเข้ารูปได้ชัดเจนขึ้น
  3. ดูดไขมันต้นขาและสะโพก
    บริเวณนี้มักมีไขมันสะสมจากกรรมพันธุ์ หรือเกิดจากพฤติกรรมการนั่งนาน ช่วยลดความบวมของขา เพิ่มความมั่นใจในการใส่กางเกงหรือชุดว่ายน้ำ
  4. ดูดไขมันเหนียงและกรอบหน้า
    ช่วยลดคางสองชั้น ทำให้หน้าเรียวชัดโดยไม่ต้องผ่าตัด นิยมในผู้ที่อายุน้อยหรือไม่ต้องการผ่าตัดยกกระชับ
  5. ดูดไขมันหลัง
    เหมาะสำหรับผู้ที่มีไขมันสะสมบริเวณกลางหลังหรือบริเวณชุดชั้นในรัด ช่วยให้แผ่นหลังดูเรียบลื่น สวมเสื้อผ้าได้สวยขึ้น
  6. ดูดไขมันเอว S-Curve (เอวเอส)
    เพิ่มส่วนเว้าให้เอว เหมาะสำหรับผู้ที่อยากมีหุ่นทรงนาฬิกาทราย มักทำร่วมกับการดูดหน้าท้องหรือสะโพกเพื่อความสมดุล
  7. ดูดไขมันหัวเข่าและน่อง
    ช่วยลดความหนาบริเวณขา ให้เรียวยาวและดูเบาลง เหมาะกับคนที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุดจากกรรมพันธุ์

ใครบ้างที่เหมาะกับการดูดไขมัน

  • คนที่มีไขมันสะสมเฉพาะจุด
    เช่น บริเวณหน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา เหนียง หรือหลัง แม้จะมีรูปร่างไม่อ้วนมากแต่กลับมีไขมันที่ลดยากในจุดใดจุดหนึ่ง
  • คนที่ออกกำลังกายและควบคุมอาหารแล้ว แต่ยังมีไขมันดื้อ
    สำหรับบางคน แม้จะมีวินัยในการลดน้ำหนัก แต่ก็ยังคงมีไขมันสะสมที่ไม่หายไป เช่น บริเวณเอวหรือสะโพก จะช่วยจัดการไขมันในบริเวณนั้นได้ตรงจุด
  • คนที่ต้องการปรับรูปร่างให้ได้สัดส่วนชัดเจนขึ้น
    เช่น ผู้หญิงที่ต้องการเอวคอด หรือผู้ชายที่ต้องการสร้างเส้นกล้ามเนื้อหน้าท้องให้ชัด การดูดไขมันสามารถใช้ร่วมกับเทคนิคการปั้นรูปร่างเพื่อให้ดูมีมิติยิ่งขึ้น
  • คนที่สุขภาพแข็งแรง ไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง
    เนื่องจากเป็นหัตถการที่เกี่ยวข้องกับการดมยาสลบหรือฉีดยาชา จึงเหมาะกับคนที่มีร่างกายสมบูรณ์ ไม่มีโรคหัวใจ เบาหวาน หรือความดันสูงที่ควบคุมไม่ได้
  • คนที่มีเป้าหมายเรื่องรูปร่าง ไม่ใช่น้ำหนัก การ ดูดไขมัน ไม่ใช่ทางเลือกสำหรับคนที่ต้องการลดน้ำหนักจำนวนมาก เพราะจะเน้นผลลัพธ์ด้านความสวยงามและสัดส่วนมากกว่า

ดูดไขมัน อันตรายไหม? เข้าใจข้อเท็จจริงก่อนตัดสินใจ

หลายคนที่กำลังพิจารณาทำศัลยกรรมดูดไขมันอาจมีคำถามว่า “ดูดไขมันอันตรายไหม?” ซึ่งเป็นคำถามที่สำคัญมากก่อนตัดสินใจ แม้จะเป็นหัตถการที่มีมานานและได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย แต่ก็ยังคงมีความเสี่ยงเช่นเดียวกับการผ่าตัดอื่น ๆ อย่างไรก็ตาม หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และภายใต้มาตรฐานความปลอดภัยของสถานพยาบาลระดับโรงพยาบาล ความเสี่ยงจะลดลงอย่างมาก

ความเสี่ยงของการทำหัตถการมีอะไรบ้าง

  1. ผิวไม่เรียบ ผิวเป็นคลื่น หรือเป็นรอยบุ๋ม
    หากดูดไขมันออกไม่สม่ำเสมอ หรือมากเกินไปในบางจุด อาจทำให้ผิวบริเวณนั้นไม่เรียบและดูไม่เป็นธรรมชาติ ซึ่งมักพบในเคสที่ทำกับแพทย์ที่ขาดความชำนาญ หรือใช้เทคนิคเก่า
  2. แผลฟกช้ำและบวม
    เป็นภาวะปกติหลังการดูดไขมัน โดยอาการบวมและช้ำจะค่อย ๆ หายไปภายใน 1–2 สัปดาห์ แต่หากมีการดูแลไม่เหมาะสม อาจบวมมากกว่าปกติ หรือหายช้ากว่าที่คาดไว้
  3. ของเหลวคั่งใต้ผิวหนัง
    เมื่อดูดไขมันออก อาจมีน้ำเหลืองหรือน้ำคั่งอยู่ใต้ผิวหนัง ส่งผลให้เกิดอาการปวดหรือบวมผิดปกติ หากไม่ดูแลให้ดี อาจต้องเจาะระบายของเหลวออกเพิ่มเติม
  4. แผลเป็นหรือรอยแผล
    แม้ว่าแผลดูดไขมันจะมีขนาดเล็ก แต่ก็มีความเสี่ยงที่จะเกิดรอยแผลเป็นหรือแผลนูน หากไม่ได้รับการดูแลอย่างถูกวิธี เช่น การโดนน้ำเร็วเกินไป หรือเคลื่อนไหวร่างกายหนักเกินไปในช่วงพักฟื้น
  5. การติดเชื้อ
    เป็นความเสี่ยงที่พบได้น้อย หากเลือกทำในสถานพยาบาลที่สะอาด มีระบบป้องกันเชื้ออย่างเคร่งครัด อย่างเช่น โรงพยาบาลเลอลักษณ์ ที่ให้ความสำคัญกับระบบปลอดเชื้อเทียบเท่าการผ่าตัดในโรงพยาบาลใหญ่
  6. ภาวะแทรกซ้อนจากการดมยาสลบหรือยาชาเฉพาะที่
    ในบางเคสที่ใช้ยาสลบหรือยาชาเฉพาะที่ อาจมีภาวะแทรกซ้อน เช่น ความดันโลหิตต่ำ คลื่นไส้ หรือแพ้ยา ดังนั้นควรแจ้งประวัติสุขภาพกับแพทย์ล่วงหน้าเสมอ
  7. เกิดลิ่มเลือดอุดตันในหลอดเลือดดำ (Deep Vein Thrombosis)
    พบได้น้อยมาก แต่เป็นความเสี่ยงร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้นได้ในบางเคสที่มีภาวะเลือดแข็งตัวผิดปกติ จึงต้องมีการประเมินสุขภาพร่างกายก่อนการผ่าตัดอย่างละเอียด

วิธีลดความเสี่ยง

  • เลือกทำกับศัลยแพทย์เฉพาะทางที่มีใบอนุญาตและประสบการณ์
  • ทำในโรงพยาบาลหรือคลินิกที่มีมาตรฐานความสะอาดและปลอดเชื้อ
  • ปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัดทั้งก่อนและหลังทำ
  • หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายหนักในช่วง 2–4 สัปดาห์แรก

ขั้นตอนการใช้ยาชา ยาสลบ และความรู้สึกระหว่างการดูดไขมัน

โดยทั่วไป การดูดไขมันจะใช้ วิธีระงับความรู้สึก ตามขนาดพื้นที่ที่ทำหัตถการ ปริมาณไขมัน และดุลยพินิจของแพทย์ โดยแบ่งได้เป็น 3 แบบหลัก ๆ ดังนี้

  1. ยาชาเฉพาะที่ (Local Anesthesia)
    เหมาะกับการดูดไขมันบริเวณเล็ก เช่น ใต้คาง ต้นแขน หรือหน้าท้องเล็กน้อย ผู้ป่วยรู้สึกตัวตลอดเวลา แต่ไม่รู้สึกเจ็บตรงบริเวณที่ทำ มีอาการข้างเคียงน้อย ฟื้นตัวเร็ว
  2. ยาชาร่วมกับยากดประสาท (Sedation)
    ใช้ร่วมกับยาชาเฉพาะที่ เพื่อให้ผู้ป่วยรู้สึกผ่อนคลาย ไม่ตื่นเต้นหรือหวาดกลัว ไม่ถึงขั้นหลับสนิท แต่รู้สึกเหมือนง่วงหรือเบลอเล็กน้อย จึงนิยมใช้ในเคสขนาดกลาง เช่น หน้าท้อง+ต้นขา
  3. ยาสลบ (General Anesthesia)
    เหมาะสำหรับดูดไขมันหลายจุดหรือปริมาณไขมันมาก ผู้ป่วยจะหลับสนิทตลอดหัตถการ ไม่รู้สึกตัว จำเป็นต้องมีทีมวิสัญญีแพทย์คอยดูแลตลอดเวลาเพื่อความปลอดภัย

ขั้นตอนการใช้ยาชา/ยาสลบในการดูดไขมัน

  1. ประเมินร่างกายเบื้องต้น
    ก่อนวันผ่าตัด แพทย์จะตรวจสุขภาพและซักประวัติการแพ้ยา เพื่อเลือกวิธีระงับความรู้สึกที่เหมาะสม
  2. เตรียมตัวก่อนทำ
    คุณจะได้รับคำแนะนำให้งดอาหารก่อนทำ 6–8 ชั่วโมง (กรณีใช้ยาสลบ) และล้างทำความสะอาดบริเวณผ่าตัด
  3. เริ่มใช้ยาชา/ยาสลบ
    • หากใช้ยาชาเฉพาะที่ แพทย์จะฉีดยาชาเข้าใต้ผิวหนังบริเวณที่ต้องดูดไขมัน
    • หากใช้ยาสลบ จะมีวิสัญญีแพทย์ใส่ท่อให้นอนหลับก่อนเริ่มหัตถการ
  4. ระหว่างทำ
    • หากใช้ยาชาเฉพาะที่ + Sedation คุณจะรู้สึกผ่อนคลายและไม่เจ็บ
    • หากใช้ยาสลบ คุณจะไม่รู้สึกตัวตลอดกระบวนการ
  5. หลังทำ
    • จะถูกพาไปพักฟื้นในห้องพักฟื้นโดยมีทีมพยาบาลดูแลอย่างใกล้ชิด
    • อาจมีอาการมึน เบลอ หรือคลื่นไส้ชั่วคราวจากฤทธิ์ยา ซึ่งจะหายไปภายในไม่กี่ชั่วโมง

เทคนิคการดูดไขมันในปัจจุบันมีอะไรบ้าง เลือกให้เหมาะกับแต่ละปัญหา

การดูดไขมัน (Liposuction) คือหัตถการทางการแพทย์ที่ช่วยกำจัดไขมันส่วนเกินที่สะสมอยู่ตามส่วนต่างๆ ของร่างกาย เช่น หน้าท้อง, ต้นขา, สะโพก, แขน, หลัง หรือแม้กระทั่งเหนียงใต้คาง ซึ่งเป็นไขมันที่มักจะตอบสนองต่อการลดน้ำหนักด้วยวิธีปกติได้ยาก การเลือกเทคนิคการดูดไขมันที่เหมาะสมกับปัญหาและสภาพร่างกายของแต่ละบุคคลจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด ปลอดภัย และลดโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อน

ในปัจจุบัน เทคนิคการดูดไขมันได้พัฒนาไปอย่างมาก มีความหลากหลายและทันสมัยขึ้น เพื่อตอบสนองความต้องการที่แตกต่างกันของผู้เข้ารับบริการ ดังนี้

  1. การดูดไขมันแบบดั้งเดิม (Tumescent Liposuction)
    เป็นเทคนิคพื้นฐานที่ใช้กันมานาน โดยศัลยแพทย์จะฉีดสารละลาย Tumescent (ประกอบด้วยน้ำเกลือ, ยาชา Lidocaine และยาหดหลอดเลือด Epinephrine) เข้าไปในชั้นไขมัน สารละลายนี้จะช่วยให้ไขมันบวมขึ้น ทำให้ดูดไขมันออกได้ง่ายขึ้น ลดการเสียเลือด และช่วยลดความเจ็บปวด จากนั้นจึงใช้ท่อดูดไขมันขนาดเล็ก (Cannula) สอดเข้าไปใต้ผิวหนังแล้วใช้แรงดูดเพื่อดูดไขมันออกมา
  2. การดูดไขมันด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ (Ultrasonic-Assisted Liposuction – UAL)
    เทคนิคนี้ใช้พลังงานจากคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ความถี่สูงในการสลายเซลล์ไขมันให้กลายเป็นของเหลว โดยคลื่นอัลตราซาวด์จะเลือกทำลายเฉพาะเซลล์ไขมันเท่านั้น ไม่ทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียง เช่น เส้นเลือด เส้นประสาท จากนั้นจึงใช้ท่อดูดไขมันขนาดเล็กดูดไขมันที่เป็นของเหลวออกมา
  3. การดูดไขมันด้วยพลังงานเลเซอร์ (Laser-Assisted Liposuction – LAL หรือ SmartLipo, Laser Lipo)
    ใช้พลังงานเลเซอร์สอดผ่านท่อขนาดเล็กเข้าไปใต้ผิวหนัง เพื่อส่งพลังงานความร้อนไปสลายเซลล์ไขมันให้เป็นของเหลว พร้อมทั้งช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและทำให้ผิวหนังบริเวณนั้นหดตัวกระชับขึ้น จากนั้นจึงดูดไขมันที่เป็นของเหลวออกมา
  4. การดูดไขมันด้วยพลังน้ำ (Water-Jet Assisted Liposuction – WAL หรือ Body-Jet)
    ใช้พลังงานของน้ำฉีดพ่นเข้าไปใต้ผิวหนังเป็นลำน้ำเล็กๆ ที่มีความแรงพอเหมาะ เพื่อแยกเซลล์ไขมันออกจากเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ทำให้ไขมันหลุดออกจากกันอย่างอ่อนโยน จากนั้นจึงดูดไขมันออกมาพร้อมกับน้ำ สารละลายที่ใช้มักมีส่วนผสมของยาชาด้วย
  5. การดูดไขมันด้วยพลังงานคลื่นวิทยุ (Radiofrequency-Assisted Liposuction – RFAL หรือ BodyTite, FaceTite)
    เป็นเทคนิคที่ใช้พลังงานคลื่นวิทยุสองขั้ว (Bipolar RF) สอดเข้าไปใต้ผิวหนัง พลังงานความร้อนจากคลื่นวิทยุจะช่วยสลายไขมันให้เป็นของเหลวและดูดออกมา พร้อมทั้งกระตุ้นการหดตัวของคอลลาเจนและอีลาสติน ทำให้ผิวหนังกระชับขึ้นอย่างมาก
  6. เทคนิค X-pert liposculpt™ (เฉพาะที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์)
    เป็นเทคนิคลับเฉพาะที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์พัฒนาขึ้น โดยเป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการดูดไขมันด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ (UAL) ร่วมกับศิลปะการปั้นแต่งรูปร่าง (Liposculpting) ตามหลักสรีรวิทยาของแต่ละบุคคล ที่อาศัยความเชี่ยวชาญและประสบการณ์ยาวนานของศัลยแพทย์เป็นพิเศษ พร้อมด้วยเทคนิคเสริมเฉพาะทางต่างๆ เช่น การใช้ยาชาเฉพาะจุดด้วยเทคนิค SoftBlock™ และการซ่อนแผลไมโคร

ตารางเปรียบเทียบ เทคนิคการดูดไขมันหลักๆ ในปัจจุบัน

คุณสมบัติ/เทคนิคTumescent Liposuction (ดั้งเดิม)UAL (อัลตราซาวด์)X-pert liposculpt™ (เลอลักษณ์)LAL (เลเซอร์)WAL (พลังน้ำ)RFAL (คลื่นวิทยุ)
หลักการทำงาน ฉีดสารละลายแล้วดูดออกโดยตรงคลื่นเสียงสลายไขมันก่อนดูดออกUAL + Liposculpting + เทคนิคเฉพาะเลเซอร์สลายไขมันก่อนดูดออกพลังน้ำแยกไขมันแล้วดูดออก คลื่นวิทยุสลายไขมันพร้อมกระชับผิว
ความแม่นยำในการสลายไขมันปานกลางสูงมากสูงมากสูงสูงสูง
การทำลายเนื้อเยื่อรอบข้างสูงสุดน้อยมากน้อยมากน้อยถึงปานกลางน้อยมากน้อยถึงปานกลาง
การเสียเลือดปานกลางถึงมากน้อยมากน้อยมากน้อยถึงปานกลางน้อยถึงปานกลางน้อยถึงปานกลาง
อาการช้ำ/บวมปานกลางถึงมาก น้อยมากน้อยมากน้อยถึงปานกลางน้อยถึงปานกลางน้อยถึงปานกลาง
ความเรียบเนียนของผิวปานกลาง, อาจเป็นคลื่นได้สูง, โอกาสเป็นคลื่นน้อยสูงมาก, ดูดเกลี้ยง ไม่เป็นคลื่น/เปลือกส้มสูง, โอกาสเป็นคลื่นน้อยสูง, โอกาสเป็นคลื่นน้อยสูงมาก, โอกาสเป็นคลื่นน้อย
การกระชับของผิวน้อยมากปานกลางปานกลางถึงสูง, ลดความหย่อนคล้อย ปานกลางถึงสูง น้อยสูงมาก
ความเจ็บปวดปานกลางถึงมากน้อยถึงปานกลางน้อยกว่าด้วย SoftBlock™น้อยถึงปานกลางน้อยถึงปานกลาง น้อยถึงปานกลาง
ระยะเวลาพักฟื้นปานกลางถึงนานเร็ว เร็วที่สุด (แผลเล็ก, ช้ำน้อย) เร็วเร็วเร็ว
แผลผ่าตัดขนาดปานกลาง, อาจเห็นได้ชัดเจนขนาดเล็กถึงปานกลางเล็กระดับไมโคร, ซ่อนในจุดลับตาขนาดเล็กขนาดเล็กถึงปานกลาง ขนาดเล็ก
เหมาะสำหรับดูดไขมันปริมาณมากเหมาะสมเหมาะสมอย่างยิ่งเหมาะสมอย่างยิ่งไม่เหมาะสมปานกลางไม่เหมาะสม
เหมาะสำหรับนำไขมันไปปลูกถ่ายปานกลางปานกลางปานกลางถึงสูง (เซลล์ไขมันอาจมีชีวิตอยู่สูงกว่า) น้อย (เซลล์ไขมันอาจถูกทำลายจากความร้อน) สูงมาก (เซลล์ไขมันมีชีวิตอยู่สูง)น้อย (เซลล์ไขมันอาจถูกทำลายจากความร้อน)

ทำไมการปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจึงสำคัญที่สุด?

แม้จะมีข้อมูลเทคนิคต่างๆ มากมาย การประเมินตนเองเพียงอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ศัลยแพทย์ตกแต่งผู้เชี่ยวชาญจะสามารถ

  • ประเมินสภาพร่างกายอย่างละเอียด วิเคราะห์ปริมาณไขมัน ความหนาแน่นของไขมัน ความยืดหยุ่นของผิวหนัง และภาวะสุขภาพโดยรวม เพื่อให้การดูดไขมันเป็นไปอย่างปลอดภัยและมีประสิทธิภาพ
  • แนะนำเทคนิคที่เหมาะสมที่สุด ด้วยความรู้และประสบการณ์ แพทย์จะสามารถเลือกเทคนิคที่ให้ผลลัพธ์ดีที่สุดและปลอดภัยที่สุดสำหรับแต่ละบุคคล โดยคำนึงถึงเป้าหมายและความกังวลของคุณ
  • วางแผนการรักษาเฉพาะบุคคล กำหนดขอบเขตการดูดไขมัน ปริมาณไขมันที่คาดว่าจะดูดออก เทคนิคการปั้นแต่งรูปร่าง และการดูแลหลังการผ่าตัด เพื่อให้ได้รูปร่างในอุดมคติของคุณ
  • ให้ข้อมูลที่ถูกต้องและครบถ้วน ตอบทุกข้อสงสัยและข้อกังวลอย่างมืออาชีพ เพื่อให้คุณมั่นใจในการตัดสินใจและเข้าใจถึงขั้นตอนการรักษาอย่างถ่องแท้
  • ที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์ ทีมศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญของเราพร้อมให้คำปรึกษาอย่างละเอียด เพื่อให้คุณได้รับข้อมูลที่ถูกต้องและเลือกเทคนิคการดูดไขมันที่เหมาะสมกับปัญหาและความต้องการของคุณมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการดูดไขมันเฉพาะส่วน หรือการดูดไขมันทั้งตัว เพื่อให้ได้รูปร่างที่สวยงาม ปลอดภัย และมั่นใจในแบบที่คุณต้องการ

ดูดไขมัน ด้วย เทคนิค X-pert liposculpt™ ที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์ ต่างจากเทคนิคอื่นอย่างไร? ดีกว่าอย่างไร?

การดูดไขมัน (Liposuction) เป็นหนึ่งในวิธีการปรับรูปร่างที่ได้รับความนิยมอย่างแพร่หลาย เพื่อขจัดไขมันส่วนเกินที่ไม่สามารถกำจัดได้ด้วยการออกกำลังกายหรือควบคุมอาหาร และในปัจจุบันมีเทคนิคการดูดไขมันที่หลากหลายให้เลือกสรร แต่หากคุณกำลังมองหาสุดยอดเทคนิคที่ให้ผลลัพธ์เหนือกว่า ปลอดภัยกว่า และฟื้นตัวเร็วกว่า “X-pert liposculpt™” ที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์ คือคำตอบที่คุณไม่ควรมองข้าม

 

โรงพยาบาลเลอลักษณ์ มุ่งมั่นที่จะมอบผลลัพธ์ที่ดีที่สุดให้แก่ผู้เข้ารับบริการ ด้วยการพัฒนาและนำเข้าเทคโนโลยีที่ทันสมัยอยู่เสมอ เราคือผู้นำด้านการดูดไขมันในประเทศไทยมากว่า 24 ปี ด้วยประสบการณ์อันยาวนานและเคสที่ประสบความสำเร็จนับหมื่น เทคนิค X-pert liposculpt™ จึงเป็นนวัตกรรมที่เราภาคภูมิใจนำเสนอ โดยมีจุดเด่นที่แตกต่างและดีกว่าการดูดไขมันแบบดั้งเดิมหรือเทคนิคอื่น ๆ อย่างชัดเจน

เทคนิค X-pert liposculpt™ คืออะไร?

X-pert liposculpt™ ไม่ใช่แค่การดูดไขมันทั่วไป แต่เป็นการประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการดูดไขมันด้วยคลื่นเสียงอัลตราซาวด์ (Ultrasonic Assisted Liposuction – UAL) ร่วมกับเทคนิคการปั้นแต่งรูปร่าง (Liposculpting) ที่อาศัยความเชี่ยวชาญ ศิลปะ และประสบการณ์อันยาวนานของศัลยแพทย์เป็นพิเศษ เพื่อให้ได้รูปร่างที่ดูเป็นธรรมชาติ มีส่วนเว้าส่วนโค้งสวยงาม และลดโอกาสการเกิดปัญหาผิวไม่เรียบหรือเป็นคลื่นหลังทำ

 

X-pert liposculpt™ คือเทคนิคลับเฉพาะที่แพทย์ของโรงพยาบาลเลอลักษณ์ได้คิดค้น สั่งสม และพัฒนาขึ้นจากประสบการณ์นับหมื่นเคส ตลอดระยะเวลากว่าสองทศวรรษ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้นั้นสวยงามและเห็นผลลัพธ์ที่ดีแบบรอบด้านอย่างแท้จริง

เทคนิค X-pert liposculpt™ แตกต่างจากเทคนิคอื่นอย่างไร? และดีกว่าอย่างไร?

ความแตกต่างที่สำคัญของ X-pert liposculpt™ อยู่ที่การผสมผสานเทคโนโลยีที่ทันสมัยเข้ากับศิลปะการปั้นแต่งรูปร่างของศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ไม่ใช่แค่การกำจัดไขมันส่วนเกิน แต่เป็นการสร้างสรรค์รูปร่างให้สวยงามอย่างมีมิติ โดยมีข้อดีที่เหนือกว่าเทคนิคอื่น ๆ ดังนี้:

  1. การสลายไขมันที่แม่นยำด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ เทคนิคนี้ใช้คลื่นอัลตราซาวด์ความถี่สูงในการสลายเซลล์ไขมันให้กลายเป็นของเหลว ก่อนที่จะดูดออกมา ทำให้การดูดไขมันเป็นไปอย่างนุ่มนวลและแม่นยำสูงสุด ลดการทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียง เช่น เส้นเลือด เส้นประสาท และเนื้อเยื่อเกี่ยวพัน ต่างจากการดูดไขมันแบบดั้งเดิมที่ใช้แรงดูดโดยตรง ซึ่งอาจก่อให้เกิดความเสียหายต่อเนื้อเยื่อรอบข้างได้มากกว่า
  2. ลดการเสียเลือดและอาการช้ำอย่างเห็นได้ชัด ด้วยความแม่นยำของการสลายไขมันด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ ทำให้เส้นเลือดเล็ก ๆ ถูกทำลายน้อยลง ส่งผลให้เสียเลือดในปริมาณที่น้อยกว่าอย่างมีนัยสำคัญ และลดโอกาสการเกิดอาการช้ำหลังทำได้อย่างชัดเจน ทำให้การฟื้นตัวเป็นไปอย่างรวดเร็ว
  3. แผลเล็กระดับไมโคร ซ่อนแผลในจุดลับสายตา หนึ่งในข้อดีที่โดดเด่นของ X-pert liposculpt™ คือการใช้เทคนิคพิเศษที่ทำให้แผลมีขนาดเล็กมากในระดับไมโคร (Micro Incision) และศัลยแพทย์จะทำการซ่อนแผลในจุดที่ลับสายตาหรือไม่สามารถมองเห็นได้ง่าย ทำให้คุณไม่ต้องกังวลเรื่องรอยแผลเป็นที่อาจส่งผลต่อความมั่นใจ
  4. ลดความเสี่ยงในการเกิดความหย่อนคล้อยหลังทำ เทคนิค X-pert liposculpt™ มีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวเล็กน้อยจากการใช้คลื่นอัลตราซาวด์ ทำให้ผิวหลังดูดไขมันมีความกระชับขึ้นและเรียบเนียนขึ้น ลดความเสี่ยงของการเกิดปัญหาผิวหย่อนคล้อยได้อย่างมีนัยสำคัญ ซึ่งเป็นข้อกังวลที่พบบ่อยในการดูดไขมันบางประเภท
  5. ดูดเกลี้ยง ไม่เป็นคลื่น ไม่เป็นเปลือกส้ม (Cellulite) ด้วยเทคนิคลับเฉพาะของแพทย์และการสลายไขมันที่สม่ำเสมอด้วยคลื่นอัลตราซาวด์ ทำให้ไขมันถูกดูดออกไปอย่างทั่วถึงและเกลี้ยงเกลา ส่งผลให้ผิวหลังทำดูเรียบเนียนเป็นธรรมชาติ ไม่เป็นก้อน เป็นคลื่น หรือเป็นเปลือกส้ม ซึ่งเป็นปัญหาที่ทำให้หลายคนไม่กล้าโชว์สัดส่วน
  6. ดูดไขมันตามหลักสรีรวิทยา ไม่เบี้ยว ไม่โค้งเว้าผิดรูป ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญจะทำการปั้นแต่งรูปร่างโดยอิงจากสรีรวิทยาของแต่ละบุคคลอย่างพิถีพิถัน ทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูเป็นธรรมชาติ มีส่วนเว้าส่วนโค้งที่สวยงามสมดุลกับรูปร่างโดยรวม ไม่เกิดปัญหาผิวไม่สมมาตร เบี้ยว หรือโค้งเว้าผิดรูป
  7. ปลอดภัย ผลลัพธ์สวยงาม แพทย์ประสบการณ์หลายหมื่นเคส โรงพยาบาลเลอลักษณ์ให้ความสำคัญสูงสุดกับความปลอดภัยของคนไข้ ทีมแพทย์ของเรามีประสบการณ์ด้านการดูดไขมันและปั้นแต่งรูปร่างมาแล้วกว่าหลายหมื่นเคสตลอด 24 ปี ทำให้คุณมั่นใจได้ในผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยสูงสุด
  8. เจ็บน้อยกว่าด้วยเทคนิค SoftBlock™ ชิลล์กว่า ไม่น่ากลัว เพื่อเพิ่มความสบายให้กับผู้เข้ารับบริการ โรงพยาบาลเลอลักษณ์ได้นำเทคนิค SoftBlock™ ซึ่งเป็นเทคนิคพิเศษในการระงับความเจ็บปวดมาใช้ ทำให้การดูดไขมันเป็นเรื่องที่ชิลล์กว่า ไม่น่ากลัวอย่างที่หลายคนกังวล
  9. ครบเครื่องนวัตกรรมดูดไขมันของแท้ รับรองมาตรฐานสากล เราเลือกใช้นวัตกรรมและเครื่องมือดูดไขมันที่ได้รับมาตรฐานสากลและเป็นของแท้ 100% เท่านั้น พร้อมด้วยห้องผ่าตัดที่ได้มาตรฐานสากลและอุปกรณ์ครบครัน เพื่อให้มั่นใจได้ในประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูงสุดในทุกขั้นตอน

ตารางเปรียบเทียบ X-pert liposculpt™ กับเทคนิคดูดไขมันแบบอื่น ๆ

คุณสมบัติ/เทคนิคX-pert liposculpt™ (โรงพยาบาลเลอลักษณ์)การดูดไขมันแบบดั้งเดิม (Tumescent Liposuction)การดูดไขมันด้วยพลังน้ำ (Water-Jet Assisted Liposuction - WAL)การดูดไขมันด้วยเลเซอร์ (Laser-Assisted Liposuction - LAL)
หลักการทำงานคลื่นอัลตราซาวด์สลายไขมันก่อนดูดออก, ปั้นแต่งรูปร่างตามหลักสรีระวิทยาฉีดสารละลาย Tumescent แล้วดูดออกโดยตรงใช้พลังน้ำฉีดแยกไขมันแล้วดูดออกใช้พลังงานเลเซอร์สลายไขมันก่อนดูดออก
ความแม่นยำสูงมาก, สลายไขมันเฉพาะจุด, ลดการทำลายเนื้อเยื่อข้างเคียงปานกลาง, อาจทำลายเนื้อเยื่อรอบข้างได้บ้าง สูง, ลดการทำลายเนื้อเยื่อรอบข้าง สูง, แต่ความร้อนอาจทำลายเนื้อเยื่อบางส่วนได้
แผลผ่าตัดเล็กระดับไมโคร, ซ่อนในจุดลับตา ขนาดปานกลาง, อาจเห็นได้ชัดเจน ขนาดเล็กถึงปานกลางขนาดเล็ก
การเสียเลือด น้อยมาก ปานกลางถึงมากน้อยถึงปานกลางน้อยถึงปานกลาง
อาการช้ำน้อยมากปานกลางถึงมากน้อยถึงปานกลางน้อยถึงปานกลาง
ความเรียบเนียนของผิวสูงมาก, โอกาสผิวเป็นคลื่น/เปลือกส้มน้อยมาก, ลดความหย่อนคล้อย ปานกลาง, มีโอกาสผิวเป็นคลื่นได้สูง, โอกาสผิวเป็นคลื่นน้อยสูง, โอกาสผิวเป็นคลื่นน้อย
ความเจ็บปวดเจ็บน้อยกว่าด้วยเทคนิค SoftBlock™ปานกลางถึงมากน้อยถึงปานกลางน้อยถึงปานกลาง
ระยะเวลาพักฟื้นเร็ว (3-7 วัน)ปานกลางถึงนาน (7-14 วัน)เร็ว (3-7 วัน)เร็ว (3-7 วัน)
ความปลอดภัยสูง, ทำในโรงพยาบาลมาตรฐาน, แพทย์ประสบการณ์สูง (24 ปี, หลายหมื่นเคส) ปานกลาง, ขึ้นอยู่กับความเชี่ยวชาญของแพทย์สูงสูง
ความเหมาะสมกับการดูดไขมันทั้งตัวเหมาะสมอย่างยิ่งเหมาะสมเหมาะสมเหมาะสม

ทำไมต้องเลือกดูดไขมันด้วยเทคนิค X-pert liposculpt™ ที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์?

การเลือกโรงพยาบาลและศัลยแพทย์เป็นปัจจัยสำคัญที่สุดต่อความสำเร็จและความปลอดภัยของการดูดไขมัน โรงพยาบาลเลอลักษณ์โดดเด่นด้วย

  • ผู้นำด้านการดูดไขมันกว่า 24 ปี ประสบการณ์อันยาวนานในการทำหัตถการดูดไขมัน ทำให้เรามีความเข้าใจอย่างลึกซึ้งในสรีรวิทยาของร่างกายและเทคนิคการปั้นแต่งรูปร่างที่เหมาะสมที่สุด ไม่ว่าจะเป็นการดูดไขมันเฉพาะส่วนหรือทั้งตัว
  • ศัลยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและมีประสบการณ์สูง ทีมศัลยแพทย์ของเรามีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ยาวนานในการดูดไขมันและการปั้นแต่งรูปร่างโดยเฉพาะเทคนิค X-pert liposculpt™ ด้วยเคสที่ผ่านมือมาแล้วกว่าหลายหมื่นเคส ทำให้คุณมั่นใจได้ในผลลัพธ์ที่สวยงามและปลอดภัยที่สุด
  • เทคโนโลยีที่ทันสมัยและครบครัน เราลงทุนในเครื่องมือและอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่ล้ำสมัย ได้รับการรับรองมาตรฐานสากลและเป็นของแท้ 100% พร้อมด้วยห้องผ่าตัดที่สะอาด ปลอดภัย และได้มาตรฐาน
  • มาตรฐานโรงพยาบาลระดับสากล โรงพยาบาลเลอลักษณ์มีมาตรฐานความปลอดภัยและสุขอนามัยที่เข้มงวดเทียบเท่าระดับสากล เพื่อให้คุณมั่นใจได้ในทุกขั้นตอนของการรักษา ตั้งแต่การปรึกษาไปจนถึงการฟื้นตัว
  • การดูแลหลังการผ่าตัดอย่างใกล้ชิด เรามีทีมพยาบาลและเจ้าหน้าที่ที่พร้อมให้คำแนะนำและดูแลคุณอย่างใกล้ชิดตลอดช่วงพักฟื้น เพื่อให้คุณฟื้นตัวได้อย่างรวดเร็ว มีประสิทธิภาพ และไม่มีภาวะแทรกซ้อน

หากคุณกำลังมองหาวิธีการดูดไขมันที่ให้ผลลัพธ์เหนือกว่า ปลอดภัย ฟื้นตัวเร็ว และได้รูปร่างที่สวยงามเป็นธรรมชาติ การดูดไขมันด้วยเทคนิค X-pert liposculpt™ ที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์คือทางเลือกที่คุณวางใจได้ เพื่อรูปร่างที่สมบูรณ์แบบและมั่นใจในแบบที่คุณต้องการ

ข้อควรรู้ก่อนดูดไขมัน และวิธีดูแลหลังทำให้ได้ผลดีที่สุด

การ ดูดไขมัน อาจฟังดูเป็นเรื่องง่ายและเป็นที่นิยมในกลุ่มคนยุคใหม่ แต่ในความเป็นจริง การเตรียมตัวก่อนการทำหัตถการ รวมถึงการดูแลร่างกายหลังหลังทำหัตถการอย่างถูกวิธี มีผลต่อผลลัพธ์ที่ได้อย่างมาก ทั้งในด้านความปลอดภัย ความสวยงาม และความคงทนในระยะยาว หากคุณกำลังวางแผนจะดูดไขมัน การเข้าใจ “ข้อควรรู้ก่อนตัดสินใจ” และ “วิธีดูแลหลังทำหัตถการ” ถือเป็นเรื่องสำคัญที่ไม่ควรมองข้าม

ข้อควรรู้ก่อนการดูดไขมัน

  • ไม่ใช่วิธีลดน้ำหนัก
    การดูดไขมันไม่ใช่การลดน้ำหนักโดยตรง แต่เป็นการ “ปรับรูปร่าง” และ “ลดสัดส่วน” เฉพาะจุด เช่น หน้าท้อง ต้นแขน ต้นขา สะโพก เหมาะกับผู้ที่มีน้ำหนักคงที่แล้ว แต่มีไขมันสะสมดื้อด้าน
  • ต้องมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงพอสมควร
    ผู้ที่ต้องการดูดไขมันควรไม่มีโรคประจำตัวร้ายแรง เช่น เบาหวาน ความดัน หรือโรคหัวใจที่ควบคุมไม่ได้ ควรได้รับการตรวจร่างกายโดยแพทย์ก่อนทำทุกครั้ง
  • ไม่ควรอยู่ในช่วงมีประจำเดือนหรือตั้งครรภ์
    ควรหลีกเลี่ยงการดูดไขมันช่วงที่ร่างกายมีการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน เช่น ขณะมีประจำเดือน หรือช่วงตั้งครรภ์-ให้นมบุตร เพื่อหลีกเลี่ยงภาวะแทรกซ้อน
  • ควรงดยาและอาหารเสริมบางชนิด
    เช่น แอสไพริน วิตามิน E หรืออาหารเสริมที่ส่งผลต่อการแข็งตัวของเลือด ควรงดอย่างน้อย 7 วันก่อนทำการดูดไขมัน

วิธีดูแลตัวเองหลังดูดไขมันให้เห็นผลดีที่สุด

  • ใส่ชุดกระชับตามคำแนะนำของแพทย์
    การใส่ชุดกระชับจะช่วยให้ผิวเรียบ แนบแน่น ลดบวม และป้องกันการเกิดพังผืด ควรใส่ต่อเนื่อง 1-3 เดือนตามคำแนะนำ
  • หลีกเลี่ยงการนวดแรง ๆ หรือกดบริเวณที่ดูดไขมัน
    ในช่วงแรกให้หลีกเลี่ยงการกด บีบ หรือนวดแรง ๆ เพราะอาจทำให้เกิดการบวมช้ำมากขึ้น และส่งผลต่อผลลัพธ์
  • ควรพักผ่อนให้เพียงพอ
    งดออกกำลังกายหนักในช่วง 1-2 สัปดาห์แรก และควรนอนพักผ่อนมากขึ้น เพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวอย่างรวดเร็ว
  • รับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพและดื่มน้ำให้มาก
    หลีกเลี่ยงอาหารมันจัด เค็มจัด และของหวาน เพราะอาจทำให้ร่างกายบวมน้ำหรือสะสมไขมันใหม่
  • ติดตามผลกับแพทย์อย่างสม่ำเสมอ
    เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีภาวะแทรกซ้อน เช่น ก้อนแข็ง ผิวไม่เรียบ หรือแผลติดเชื้อ แพทย์อาจมีคำแนะนำเสริมในการดูแลแผลและการใช้ยา


แม้การ ดูดไขมัน จะเป็นเทคนิคที่ช่วยเปลี่ยนรูปร่างได้อย่างรวดเร็ว แต่การเตรียมตัวก่อนทำ และการดูแลตัวเองหลังดูดไขมันอย่างเคร่งครัด ถือเป็น “หัวใจสำคัญ” ที่ทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวยงาม ปลอดภัย และอยู่ได้นาน การเลือกโรงพยาบาลที่มีมาตรฐาน เช่น โรงพยาบาลเลอลักษณ์ และปรึกษากับศัลยแพทย์ที่มีประสบการณ์ คือทางเลือกที่ชาญฉลาดสำหรับคนที่อยากเปลี่ยนรูปร่างอย่างมั่นใจ

คำถามที่พบบ่อยเกี่ยวกับการดูดไขมัน (FAQ)

Q: ดูดไขมันเจ็บไหม?
A: ความรู้สึกเจ็บขณะทำดูดไขมันน้อยมาก เพราะแพทย์จะใช้ยาชาเฉพาะจุดหรือยาสลบ ขึ้นอยู่กับบริเวณและปริมาณไขมันที่ต้องดูด หลังการทำอาจรู้สึกตึงหรือระบมในช่วง 2-3 วันแรก แต่สามารถควบคุมอาการได้ด้วยยาและการดูแลที่ถูกต้อง โดยเฉพาะถ้าดูดไขมันที่โรงพยาบาลเลอลักษณ์ ซึ่งใช้เทคนิคที่ช่วยลดความเจ็บระหว่างและหลังทำได้ดี

 

Q: ใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหนหลังดูดไขมัน?
A: ส่วนใหญ่ผู้เข้ารับบริการดูดไขมันสามารถกลับบ้านได้ภายในวันเดียว และพักฟื้น 2-7 วัน ขึ้นอยู่กับบริเวณที่ดูดไขมัน เช่น ดูดไขมันหน้าท้องอาจต้องพักมากกว่าดูดไขมันต้นแขน แนะนำให้งดออกกำลังกายหนักในช่วง 2-3 สัปดาห์ และใส่ชุดกระชับอย่างต่อเนื่องเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

 

Q: ผลลัพธ์จากการดูดไขมันอยู่ได้นานแค่ไหน?
A: ผลลัพธ์จากการดูดไขมันสามารถอยู่ได้ยาวนาน หากควบคุมอาหารและออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ ไขมันที่ถูกดูดออกไปจะไม่กลับมาอีกในจุดเดิม แต่หากร่างกายมีการสะสมไขมันใหม่ ก็อาจไปสะสมในบริเวณอื่นได้ การดูแลตนเองหลังการทำจึงมีความสำคัญมาก

 

Q: ดูดไขมันสามารถทำร่วมกับการศัลยกรรมอื่นได้ไหม?
A: ได้ค่ะ การดูดไขมันสามารถทำร่วมกับศัลยกรรมอื่นได้ เช่น ศัลยกรรมยกกระชับผิว หรือศัลยกรรมตัดหนังหน้าท้อง ทั้งนี้ควรปรึกษาแพทย์เพื่อวางแผนให้เหมาะกับร่างกายของแต่ละคน การทำร่วมกันจะช่วยให้ผลลัพธ์ชัดเจนยิ่งขึ้นและลดการพักฟื้นหลายครั้ง

 

Q: ดูดไขมัน อันตรายไหม?
A: การดูดไขมันมีความปลอดภัยหากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญในสถานพยาบาลที่ได้มาตรฐาน เช่น โรงพยาบาลเลอลักษณ์ โดยมีการประเมินสุขภาพ ตรวจร่างกาย และวางแผนร่วมกับศัลยแพทย์ก่อนทุกเคส อย่างไรก็ตาม การดูดไขมันก็มีความเสี่ยง เช่น เลือดออก ผิวไม่เรียบ หรือแผลติดเชื้อ ซึ่งสามารถลดความเสี่ยงได้ด้วยการปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด